W E L C O M E

Hello Glitter Comment Graphics

วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

อารมณ์ค้าง

มมอัพต่อ ๆ
ไม่สะใจ 555
เฮ้ออ เพิ่งมารู้ตัวว่าเหลือเวลาอีกแค่ 9 วัน
ที่จาได้นั่งเรียนในห้อง 946 กะเพื่อน ๆ
ไม่อยากคิดถึงวันสุดท้ายเลย
เรื่องมันเศร้า - -*
เปลี่ยนเรื่องดีกว่า
ตอนนี้ดูเดอะสตาอยู่
คนอยากเป็นนักร้องเพียบเลย
แต่ละคนก็แบบ .. พยายามโคตร ๆ
ความฝันของเค้าก้คือนักร้อง
แต่ของเรา = แพทย์
555
แล้วจะเป็นได้มั้ยล่ะ -*-
ไม่ได้จะน้ำเน่า แต่มันคือเรื่องจริง *0*
นี่ก็จะขึ้น ม.5 แล้ว
ถึงเวลาจริงจังกับอนาคต !
คิดงี้มานานแล้วแหละ
แต่ไม่เคยจะทำได้ กลับบ้านเปิดคอม 55
เวลาก็เร็วเหลือเกิน เหมือนเพิ่งเข้าเตรียมมาเมื่อเดือนที่แล้ว
มันก็คงเร็วอย่างงี้ไปเรื่อย ๆ
จนถึง ม.6
เอ็นสะท้าน !
แล้วพอถึงวันนั้นจะมานั่งคิดว่า
ที่ผ่านมาเราทำอะไรอยู่ ? ทำไมเราไม่อ่านหนังสือ ?
มันจะดีหรือ = =
แล้วเราจะมานั่งบ่นทำไม
ทำไมเราไม่ไปอ่านหนังสือ
อย่าเอาหมอเลย เอาไฟนอลให้รอดก่อน

แต่ตอนนี้
เราขี้เกียจน่ะสิ 5555
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก
ตูจะนั่งเล่นคอมอยู่อย่างนี้อีกนานไหม ? -*-

แต๊งพี่

เมื่อวานไปแต๊งพี่ห้องมา
ณ ไอ ดิน กลิ่น ครก
ชอบชื่อโคตร ๆ 555
เข้าไปครั้งแรกก็งงว่าจะนั่งพอหรอ
แต่ก็พอจนได้ หึหึ
ในห้องมีคาราโอเกะ กะห้องเล็ก ๆ ด้วย
หลังจากกินไปซักพักก็ย้ายไปในห้องเล็กๆ
เพราะว่าแอร์เย็น โหะๆ
เข้าไปนั่งทำอะไรกันก็ไม่รู้..
ถามกุง 555
พอใกล้ ๆ จะกลับก็ออกมา
พร้อมรีเควสคาราโอเกะเพลงขอนไม้กับเรือ
ที่สุดแสนจะไพเราะ
เปรียบกับพี่เปนแค่ขอนไม้ ต่อให้รักเจ้ามากเพียงไหน
ผุพังไป พึ่งพาก็ไม่นานนนนนนนนนนนนนนน
ใครกลับก่อนเสียใจด้วยที่ไม่ได้ฟังนักร้องเสียงทอง 55555
แต่ไม่เป็นไรไปรีเควสในห้องได้ ก๊ากก
เสร็จแล้วก็ไปกินสเวนเซ่นต่อ
แต่ว่าไม่ได้ไปทั้งห้อง
ตอนแรกก็ไม่อร่อย
กินไปกินมาชักอร่อย
แอบงง
5555



เอาเป็นว่า สนุกมากก
ขอบคุณพี่ ๆ เพื่อน ๆ ห้อง 946 ทุกคน
รัก 946 เย่ !! : )

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551

ตรวจผม !

วันนี้มาโรงเรียนสาย!!
เพราะอะไรน่ะหรือ
เพราะตื่นสายไง 55
แต่เพื่อนก็ยังไม่มาอยู่ดี - -
วันนี้อาจารย์บอกว่าจะตรวจผม
แอบกลัวโดนตัดเหมือนกัน เลยเอากิ๊บมาตั้ง 2 ตัว
แต่ ! อาจารย์ไม่ตรวจ
555 พรุ่งนี้ก็คงจะตรวจ -*-




ปอลอ วันนี้เรียนฟิสิกส์ โจทย์ยากเกิ๊น น T T

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2551

โครงสร้างของลำดับขั้นหน่วยความจำ

มักจะมีคำถามกันอยู่เสมอว่าทำไมคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมีระบบหน่วยความจำหลายชนิด และคำตอบที่ได้สามารถช่วยให้เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ได้มากมายทีเดียวเรามาเริ่มที่พื้นฐานกันก่อนว่าหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์มีโครงสร้างอย่างไรกันบ้าง

ตามแผนภาพด้านบนเราจะเห็นได้ว่าหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์มีการจัด โครงสร้างเป็นแบบลำดับชั้น ซึ่งชั้นสูงสุดและอยู่ใกล้กับโปรเซสเซอร์มากที่คือ รีจีสเตอร์(Register)ที่อยู่ภายในโปรเซสเซอร์ จากนั้นลงมาก็เป็นหน่วยความจำแคช (Cache) หนึ่งหรือสองระดับ ซึ่งถ้ามีหลายระดับมักจะเรียกว่า Cache ระดับ L1, L2,…

จากนั้นจึงเป็นหน่วยความจำหลักซึ่งมักจะสร้างมาจาก DRAM (Dynamic Random Access Memory) ซึ่งหน่วยความจำที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จัดว่าเป็นส่วนที่อยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ และเป็นแบบโวลาไทล์ (Volatile) คือ ข้อมูลจะหายไปเมื่อไม่มีไฟเลี้ยง และโครงสร้างลำดับชั้นยังขยายต่อออกไปที่หน่วยความจำภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งมักจะหมายถึงอุปกรณ์ไอโอที่มีความเร็วสูง เช่น ฮาร์ดดิสก์ นอกเหนือจากนี้ได้แก่ อุปกรณ์ ZIP อุปกรณ์อ็อพติก และเทปแม่เหล็ก เป็นต้น

ตำแหน่งการอ้างอิงข้อมูลในหน่วยความจำหลักโดยโปรเซสเซอร์นั้น มักจะเป็นตำแหน่งเดิม ดังนั้นหน่วยความจำ Cache มักจะคัดลอกข้อมูลในหน่วยความจำหลักที่เคยถูกอ้างอิงไปแล้วเอาไว้ ซึ่งถ้าการทำงานของ Cache ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีแล้ว ส่วนใหญ่โปรเซสเซอร์ก็จะเรียกใช้ข้อมูลที่อยู่ใน Cache เป็นส่วนมากแม้ว่าโดยหลักการแล้วดูจะเป็นเรื่องง่าย แต่หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งที่อาจจะมีจำนวนชนิด เทคโนโลยี โครงสร้าง ประสิทธิภาพ และราคากว้างมากที่สุด ไม่มีเทคโนโลยีใดทีจะสามารถตอบสนองความต้องการหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ดีที่สุด
ที่มา http://www.vcharkarn.com

แผ่นทวีปกำลังเคลื่อน



คณะนักวิทยาศาสตร์ซึ่งนำโดย ดร.ทิม ไรท์ (Dr. Tim Wright) นักธรณีฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยแห่งลีด ประเทศอังกฤษ (University of Leeds) กำลังเฝ้าดูการเติบโตของหุบเขาทรุดเอธิโอเปีย (Ethiopia Rift Valley) ในทะเลทรายอฟาร์ (Afar dessert) พื้นที่ภาคเหนือของประเทศเอธิโอเปีย เพื่อติดตามและพิสูจน์ทฤษฎีการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก ในขณะที่ไหล่ทวีปของแผ่นเปลือกโลกอัฟริกา (African plate) กับอาระเบีย (Arabian plate) กำลังเคลื่อนที่ออกจากกัน ด้วยอัตราประมาณ 16 มม ต่อปี ทั้งนี้แรงดันจากภายในโลกอาจเร่งให้เกิดการแยกออกอย่างรวดเร็วได้เป็นครั้งคราว เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดเมื่อเดือนกันยายนปี 2005 เมื่อเกิดรอยแยกลึกและยาวนับร้อยแนว ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ทำให้แผ่นดินแยกออกจากกันถึง 8 เมตร โดยมีหินหนืดมากกว่า 2 พันล้านลูกบาศก์เมตร ดันตัวแทรกขึ้นมาตามรอยแยกและดันแผ่นทวีปทั้งสองให้ห่างออก (รูปที่ 1)คณะวิจัยได้ใช้เครื่องมือหลายชนิด เช่น GPS เครื่องวัดคลื่นไหวสะเทือน (seismometer) และเทคนิคทางธรณีเคมีและธรณีฟิสิกส์ ในการสำรวจและกำหนดสมบัติของหินและหินหนืดใต้พื้นดิน และติดตามตรวจสอบการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก และสร้างแบบจำลองการเคลื่อนตัวของหินหนืดขึ้นมาสู่ผิวโลกซึ่งทำให้แผ่นเปลือกโลกแตกออก (รูปที่ 2 แสดงภาพถ่ายด้วยคลื่นเรดาห์ ที่ใช้ให้การศึกษาการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกเมื่อปี 2005 ภาพจาก European Space Agency's Envisat satellite) โดยทั่วไปกระบวนการแยกปริของของเปลือกโลกมักเกิดในมหาสมุทรที่เห็นเป็นเทือกเขากลางมหาสมุทร (Mid oceanic ridge) แต่บนบกสามารถเห็นได้ที่เดียวคือทะเลทรายอฟาร์แห่งนี้เท่านั้นแผ่นเปลือกโลกอัฟริกาและอะราเบียอยู่ระหว่างกระบวนทรุดตัวเป็นเวลา 30 ล้านปีมาแล้ว ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกับที่ทำให้เกิดทะเล Red Sea การเคลื่อนที่เป็นไปอย่างช้า ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นล้าน ๆ ปี กระบวนการนี้จะทำให้พื้นที่ตอนเหนือของเอธิโอเปียทรุดตัวลง และทำให้เกิดทะเลใหม่ขนาดใหญ่ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับ Red Sea และ Gulf of Aden โดย Gulf of Aden เป็นแขนของทะเลอะราเบียซึ่งตั้งอยู่ระหว่างประเทศเยเมนบนแหลมอะราเบีย กับประเทศโซมาเลียของทวีปอัฟริกา
อ้างอิงจากhttp://www.sciencedaily.com/releases/2007/01/070129100550.htmhttp://www.msnbc.msn.com/id/16891250/

รถยนต์ในอนาคต


จะเป็นอย่างไร หากคุณสามารถแต่งหน้า อ่านนิยายเล่มโปรด หรือกำลังเล่นอินเตอร์เน็ตเพื่อเช๊คอีเมลล์ ทำงาน หรือกิจกรรมอะไรก็ตามบนรถยนต์ของคุณ โดยที่ไม่ต้องกังวลกับการขับรถ หากเพราะรถสามารถขับเคลื่อนได้ตามคำสั่งที่คุณตั้งไว้ โดยทั่วไป คนที่สามารถทำกิจกรรมอย่างที่ว่านี้ได้ ก็อาจจะเป็นคนรวยที่มีคนขับรถให้ หรือ คนที่มีตำแหน่งทางการงานสูงและมีพนักงานขับรถมาด้วย แต่รถยนต์ที่มีความสามารถในการทำงานอัตโนมัติ หรือทำงานด้วยตัวเองนั้นกำลังจะมีออกมาสู่ตลาดในไม่อีกกี่ปีข้างหน้า จากการเปิดเผยของทาง General Motors หรือ GMซึ่งในขณะนี้ทาง GM ได้ทำการค้นคว้าและพัฒนารถยนต์ที่ทำงานได้โดยไม่ต้องอาศัยคนขับอย่างเต็มที่ และมีแนวโน้มที่จะเปิดตัวภายใน 10 ปีนี้ โดยเทคโนโลยีที่สำคัญบางส่วนนั้นได้พัฒนาเสร็จแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพวกอุปกรณ์ในการควบคุมสัญญาณเรดาร์ ระบบในการค้นหาเส้นทาง หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการเตือนเมื่อมีการเปลี่ยนเส้นทางถนน ฯลฯ และขณะนี้ก็มีรถบางรุ่นที่มีการติดตั้งระบบควบคุมความเสถียรของรถในขณะเข้าโค้งหรือเลี้ยว และตัวเซ็นเซอร์ที่มีไว้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวของผู้คนหากต้องขับขี่ในบริเวณซอกซอยหรือถนนในเมือง เพื่อป้องกันการชน และทางบริษัท GM ตั้งเป้าหมายที่จะทดลองรถยนต์ที่ไม่ต้องการคนขับภายในปี 2015 และออกสู่ท้องตลาดภายในปี 2018 สาเหตุสำคัญที่มีการพัฒนารถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่สามารถควบคุมตัวเองโดยไม่ต้องมีคนขับนั้น คือ ความปลอดภัยของชีวิตบนท้องถนน เนื่องจาก 95% ของอุบัติเหตุต่างๆบนถนนนั้นเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของคนอย่างไรก็ดีทางผู้พัฒนากล่าวว่าในอนาคตผู้ที่จะสามารถขับรถบนถนนได้นั้นควรอย่างยิ่งที่จะมีใบขับขี่และการสอบขับขี่รวมไปถึงการอนุญาติก็ควรจะเข้มงวดและยากมากกว่าเดิมวิดิโอที่บันทึกการทดสอบรถในอนาคตของ GM สามารถเข้าไปดูได้ที่ http://www.breitbart.tv/html/25584.html


ประวัติศาสตร์ของ ¶

ซึ่งไม่ได้วางอยู่บนหลักการอะไรเลยนอกเสียจากหลักพื้นๆหยาบๆไม่สูงส่งอันใด และ เครื่องประดิษฐ์เกรดต่ำในเชิงพาณิชย์ นั่นคือสิ่งที่เขาถูกกล่าวหาว่าประดิษฐ์ขึ้นด้วยความไม่ค่อยเต็มใจ ใน The Method อาร์คีมีดีสได้ เขียนจดหมายถึง เอราทอสธีเนียส บรรณารักษ์แห่งอเล็กซานเดรีย ซึ่งเขาเคยได้พบกันว่า :

จากอาร์คีมีดีสถึงเอราทอสธีเนียส

ข้าพเจ้าได้ส่งบางทฤษฎีบทที่ข้าพเจ้าได้ค้นพบก่อนหน้าให้แก่ท่านก็เพียงเขียนแถลงเพื่อเชื้อเชิญท่านค้นหาทางพิสูจน์ ซึ่งในตอนนั้นข้าพเจ้ามิได้ให้ [...] การพิสูจน์ทฤษฎีบทเหล่านั้น ข้าพเจ้าได้เขียนบันทึกลงในสมุดเล่มนี้ซึ่งตอนนี้ได้ส่งมาให้ท่าน ดังที่ข้าพเจ้าเคยกล่าว มากกว่าเพียงการมอง ด้วยท่านเป็นนักเรียนที่ตั้งใจจริงจัง […] ข้าพเจ้าคิดว่าเหมาะแล้วที่เขียนขึ้นมาให้สำหรับท่าน และอธิบายรายละเอียดในสมุดเล่มเดียวกันซึ่งเป็นวิธีการที่เฉพาะอย่างยิ่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้สำหรับท่านจะไดสืบสวนบางประเด็นปัญหาในทางคณิตศาสตร์โดยวิธีการทางกลศาสตร์ ข้าพเจ้าออกจะเชื่อว่าด้วยขั้นตอนวิธีการเช่นนี้มิได้ไร้มรรคผลใด แม้กระทั่งการพิสูจน์ทฤษฎีบทเหล่านั้นในตัวพวกมันเอง แน่นอนว่าสิ่งประการแรกสุดที่ต้องปรากฏชัดสำหรับข้าพเจ้าโดยวิธีการทางกลศาสตร์ แม้ว่ามันจะต้องแสดงให้เห็นด้วยเรขาคณิตในภายหลัง ก็เพราะว่าการสืบสวนเหล่านั้นจากวิธีการที่กล่าวถึงมิได้จัดแต่งขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นได้อย่างแท้จริง แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่ามันเป็นการง่ายกว่า เมื่อเราได้ใช้มันด้วยวิธีการดังกล่าวซึ่งอาจใช้บางความรู้ของคำถาม เพื่อนำมาพิสูจน์ ซึ่งง่ายกว่าจะค้นพบโดยที่ปราศจากความรู้ใดๆก่อนหน้า

ตัวอย่างที่มีชีวิตชีวาของวิธีการเช่นนี้ ก็คือการประยุกต์ใช้หลักการของคานโดยอาร์คีมีดีสจนได้มาซึ่งปริมาตรของรูปทรงกลมบางส่วน หรือแม้กระทั่งรูปทรงกลมทั้งหมด ดังที่ได้แสดงในภาพ การค้นพบของอาร์คีมีดีสครั้งนี้ล้ำค่ายิ่ง จนกระทั่งเขาขอร้องให้นำรูปทรงกลมที่แทรกอยู่ในรูปทรงกระบอกไปจารึกที่แท่นหินเหนือหลุมศพของเขา และ สิ่งนี้ก็ได้ถูกทำขึ้น ด้วยคิดว่าแท่นหินนี้สูญหายไป เราได้รายละเอียดที่จารึกบนแผ่นหินนี้จาก ซิเซโร (Cicero) ซึ่งได้ไปเยือนในคริสต์ศตวรรษที่ 1 ในระหว่างที่เขาไปปฏิบัติงานในฐานะผู้สืบค้นที่ซิชีลี (Sicily)

สูตรโมเลกุลของน้ำไม่ใช่ H2O !!



อ้างอิงจากผลงานวิจัยของ นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ( ดร. Aris Chatzidimitriou-Dreismann) ซึ่งได้ตีพิมพ์ลงในวารสารวิชาการ Physical Review Letters วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546 ที่กล่าวว่าสูตรโมเลกุลของน้ำน่าจะเป็น H1.5O มากกว่า H2O โดยอาศัยผลการทดลองจาก การศึกษาอันตรกริยาระหว่าง โมเลกุลของน้ำ กับ อนุภาคนิวตรอนและอิเล็กตรอน มีเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 1 ในพันล้านๆส่วนของวินาที ( attoseconds หรือ 10-15 วินาที ) ซึ่งไม่สามารถทำการตรวจวัดได้มาก่อนหน้านี้


การค้นพบนี้นอกจากจะทำให้เกิดความเข้าใจใหม่ๆเกี่ยวกับปฎิกริยาเคมีในระดับควอนตัมฟิสิกส์แล้ว ยังอาจจะทำให้เราต้องไปตามแก้สูตรโมเลกุลของน้ำ และสารเคมีอื่นๆ ตามหนังสือเรียนด้วยก็ได้ !


การศึกษาเรื่องนี้เริ่มต้นราวปี พ.ศ. 2538 โดยทีมวิจัยร่วมของอังกฤษและเยอร์มัน ซึ่งได้ทำการยิงอนุภาคนิวตรอนซึ่งมีพลังงานอยู่ในระดับ 100 อิเล็กตรอนโวลต์ ซึ่งมีชื่อเรียกทางเทคนิคว่า epithermal neutrons ไปยังโมเลกุลน้ำ นักวิจัยพบว่าปริมาณของอิเล็กตรอนที่กระเจิง (Scatter) ออกมาจากโปรตรอนมีจำนวนน้อยกว่าที่คาดไว้ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่า อนุภาคนิวตรอนที่ยิงเขาไปมองเห็นอัตราส่วนของไฮโดรเจนน้อยกว่าที่คาดไว้ ( อะตอมของธาตุไฮโดรเจนประกอบด้วยโปรตรอนหนึ่งตัว) อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถหาทฤษฎีมาอธิบายปรากฎการณ์ดังกล่าวได้อย่างชัดเจนนัก


นักวิทยาศาสตร์ยังได้ทดลองยิงนิวตรอนเข้าใส่โมเลกุลของเบนซิน ซึ่งมีสูตรโมเลกุลเคมี C6H6 พบว่าอัตราส่วนระหว่างอะตอมไฮโดรเจนกับคาร์บอนที่วัดได้เป็น 4.5 ต่อ 6 ปรากฎการณ์ประหลาดทำนองนี้ยังเกิดขึ้นกับโมเลกุลของสสารอีกหลายชนิดที่มีไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ ในขณะที่ทีมวิจัยอีกชุดหนึ่งในประเทศออสเตเลียได้ทำการทดลองยิงอนุภาคอิเล็กตรอนแทนที่จะใช้อนุภาคนิวตรอน ซึ่งก็ได้ผลการทดลองในลักษณะเดียวกัน
แหล่งข่าวจากPHYSICS NEWS UPDATEThe American Institute of Physics Bulletin of Physics NewsNumber 648 July 31, 2003 by Phillip F. Schewe, Ben Stein, and James Riordon
ที่มา http://www.vcharkarn.com

หมากฝรั่งไร้น้ำตาล อันตรายต่อสุขภาพ



แพทย์เตือน ‘เคี้ยวหมากฝรั่งไร้น้ำตาลมากไป’ ทำให้น้ำหนักลดและส่งผลเสียต่อลำไส้ ผลิตภัณฑ์ ‘ไร้น้ำตาล’ ทั้งหลาย เช่น หมากฝรั่ง และของหวานที่ใส่สารให้ความหวานอย่าง ซอร์บิทอล (sorbitol) เป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ซึ่งให้แคลอรีน้อยกว่าซูโครสหรือน้ำตาลทั่วไปถึง 1 ใน 3สารให้ความหวานตัวนี้สามารถออกฤทธิ์เป็นยาระบายได้หากบริโภคมากเกิน นักวิจัยกล่าวว่าคนทั่วไปไม่ค่อยระมัดระวังอันตรายจากผลข้างเคียงเพราะตัวหนังสือที่เขียนเตือนบนหีบห่อนั้นมีขนาดเล็กมากจนคนทั่วไปไม่สนใจอ่านกันและผู้ที่ออกมาเตือนนี้คือ Herbert Lochs ผู้เชี่ยวชาญด้านกระเพาะและลำไส้และคณะ จากมหาวิทยาลัย Charite Universitatsmedizin ในเบอร์ลิน เยอรมัน โดยยกตัวอย่างผู้ป่วย 2 ราย ที่เกิดอาการท้องร่วงรุนแรงและน้ำหนักลดโดยแพทย์ผู้ตรวจหาสาเหตุของโรคไม่เจอครับหลังจากทำการทดสอบไปเสียหลายอย่างกับผู้ป่วยรายแรกซึ่งเป็นหญิงสาวอายุ 21 ปี Lochs ตัดสินใจวัดค่าอิเลกโทรไลท์ในอุจจาระ ทำให้ทราบว่าเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างในลำไส้กำลังดึงน้ำออกมา ส่งผลให้น้ำหนักลดและเกิดอาการท้องร่วง ซึ่งทำให้เธอถ่ายท้องถึง 12 ครั้งต่อวัน ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ลด Sorbitol เมื่อถามว่าเธอทานอะไรเข้าไป เจ้าตัวยอมรับว่าเธอเคี้ยวหมากฝรั่งจำนวนมากทุกวัน หมากฝรั่งแต่ละแท่งมีซอร์บิทอล 1.25 กรัม เมื่อลองคำนวณดูปรากฏว่าเธอได้รับซอร์บิทอลถึงวันละ 18-20 กรัมส่วนผู้ป่วยรายที่สองเป็นชายอายุ 46 ปี บอกกับทีมวิจัยว่าเค้าเคี้ยวหมากฝรั่ง 20 แท่งต่อวัน และกินขนมหวานไร้น้ำตาลถึง 200 กรัมต่อวัน คำนวณแล้วเค้าได้รับซอร์บิทอลถึงวันละ 30 กรัมแค่ซอร์บิทอลปริมาณน้อยเพียงวันละ 5 – 20 กรัม ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดโรคกระเพาะและลำไส้ เช่น อาการปวดท้องอย่างรุนแรง โรคลำไส้ใหญ่บวมและเกิดก๊าซ ซอร์บิทอลปริมาณสูง 20-50 กรัม ทำให้เกิดความผิดปกติในการดูดซึมสารอาหาร ขาดสารอาหาร และน้ำหนักลดเมื่อทีมแพทย์ให้ผู้ป่วยทั้งสองรายงดอาหารที่มีซอร์บิทอล อาการท้องร่วงและน้ำหนักลดก็ทุเลาลง ก่อนที่จะเกิดอาการร้ายแรงเตือนผู้เป็นโรคเบาหวานLochs กล่าวว่า การรักษาครั้งนี้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในผู้ป่วยที่เกิดอาการน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุได้มากซอร์บิทอลใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวานแทนกลูโคส Lochs กล่าวว่าอาการท้องเสียในผู้ป่วยเบาหวานอาจเกิดจากฤทธิ์ของซอร์บิทอลได้กลุ่ม Diabetes UK ซึ่งเป็นกลุ่มของคนที่ทำงานเกี่ยวกับโรคเบาหวานได้เตือนว่า อย่าใช้อาหารสำหรับโรคเบาหวานสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานJemma Edwards นักโภชนาการ กล่าวว่า ซอร์บิทอลมักถูกใช้เป็นส่วนผสมของอาหารที่ติดฉลากว่า 'diabetic' หรือ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เช่น ช็อกโกแลต ขนมหวาน และบิสกิต เนื่องจากอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่อันตรายและไม่มีน้ำตาลให้เห็นบางคนจึงคิดว่าแม้จะทานในปริมาณมากก็ไม่เป็นอันตราย ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ทานอาหารเหล่านี้เพราะนอกจากจะไม่มีคุณค่าแล้วยังราคาแพงอีกด้วย


อ้างอิง: British Medical Journal (DOI: 10.1136/bmj.39280.657350.BE)

นิทรรศการปิโตรเคมีสัญจร








ค่ายปิโตรแคมป์สู่แชมป์ปิโตร ปี 50 เป็นกิจกรรมที่กลุ่มบริษัท ปตท. ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ระหว่างวันที่ 23-25 พฤศจิกายน 2550โดยเปิดโอกาสให้เยาวชนจาก 7โรงเรียนในจังหวัดระยอง ซึ่งประกอบด้วยโรงเรียนอัสสัมชัญ ระยอง, โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร, โรงเรียนระยองวิทยาคม, โรงเรียนระยองวิทยาคม นิคมอุตสาหกรรม, โรงเรียนระยองวิทยาคม ปากน้ำ, โรงเรียนวัดป่าประดู่ และโรงเรียนบ้านฉางกาญจนากุลวิทยา ได้เข้าร่วมและรับความรู้เกี่ยวกับปิโตรเลียม และปิโตรเคมี ผ่านกิจกรรมฐานวิทยาศาสตร์ และการบรรยายโดยวิทยากรจากวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงทัศนศึกษาเยี่ยมชมโรงกลั่นน้ำมัน และโรงงานผลิตสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวผู้คนในจังหวัดระยอง



ตัวแทนเยาวชนทั้ง 7 โรงเรียนนี้ได้รับการคัดเลือกมาจาก “นิทรรศการปิโตรเคมีสัญจร” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-25 สิงหาคม 2550 โดยในกิจกรรมนี้เยาวชนจะได้เรียนรู้พร้อมสนุกคิดผ่านนิทรรศการเชิงวิชาการและสถานีการเรียนรู้ 6 ฐาน ได้แก่ 1. สถานีกำเนิดปิโตรเลียม เยาวชนจะได้รู้ว่าปิโตรเลียมเกิดขึ้นได้อย่างไร มีขั้นตอนวิธีการสำรวจอย่างไร พร้อมตื่นตาตื่นใจกับฟอสซิลสิ่งมีชีวิตต้นกำเนิดปิโตรเลียมของจริง 2.สถานีรู้จักผลิตภัณฑ์ต่างๆจากปิโตรเลียม เพลิดเพลินกับการทดลองวิทยาศาสตร์จากแบบจำลองโรงกลั่นจิ๋ว 3.สถานีปิโตรเคมีในชีวิตประจำวัน สนุกกับการคัดแยกผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี 4.สถานีคุณสมบัติพลาสติก รู้หรือไม่ว่าพลาสติกมีชนิดใดที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ และพลาสติกที่มีคุณสมบัติอย่างไรจึงจะนำเข้าไมโครเวฟได้ 5.สถานีเส้นใยกับความร้อน เยาวชนจะได้รู้จักความแตกต่างระหว่างเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยความร้อนผ่านคุณสมบัติการเผาไหม้ การดูดซับน้ำ อีกทั้งยังมีการสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับผ้าฝ้ายทนไฟ นาโนเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยคนไทย และ 6.สถานี Global Warming…ลดร้อนให้โลก รู้จักกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว สัญญาณเตือนภัยภาวะโลกร้อน เมื่อจบกิจกรรมทั้ง 6 ฐานการเรียนรู้ ก็จะมีการคัดเลือกแฟนพันธุ์แท้ปิโตรเคมีโรงเรียนละหนึ่งคนรวมทั้งอีก 7 คนจาก passport เพื่อมาเข้าค่ายปิโตรแคมป์สู่แชมป์ปิโตรต่อไป






หลังจากที่เลือกเฟ้นน้อง ๆ มาโรงเรียนละ 8 คนแล้ว ก็ถึงเวลาค้นหาสุดยอดนักปิโตรเคมีในค่ายปิโตรแคมป์สู่แชมป์ปิโตร ปี 50 เริ่มต้นตั้งแต่เช้าวันที่ 23 ที่สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จังหวัดระยอง ด้วยกิจกรรม walk rally ภายในสวนสมุนไพรซึ่งอันที่จริงน่าจะเปลี่ยนเป็น run rally มากกว่าเพราะไม่รู้น้อง ๆ เอาพลังมาจากไหนกัน พี่ ๆ ต้องวิ่งตามกันตับแล่บเลยทีเดียว จากนั้นช่วงสาย ๆ เป็นการบรรยายเกี่ยวกับ “นวัตกรรมเปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน”โดยผศ.ดร. สิริรัตน์ จิตการค้า อาจารย์จากวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นช่วงบ่ายเป็นการทัศนศึกษาเยี่ยมชมโรงกลั่นน้ำมัน บริษัท อัลลายแอนซ์ รีไฟน์นิ่ง จำกัด หรือ ARC และศึกษาหลากผลิตภัณฑ์จากปิโตรเคมีที่โรงงานปิโตรเคมี บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือATC ก่อนเดินทางกลับสวนสมุนไพร อาจารย์สมถวิล จริตควร รองคณะบดีฝ่ายวิจัยและและประกันคุณภาพ บัญฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดโอกาสให้น้อง ๆ ทั้ง 56 คนได้แวะเก็บตัวอย่างแพลงก์ตอนที่ท่าเรือขนถ่ายสินค้าทั่วไป บริษัท ไทย พรอสเพอริตี้ เทอร์มินอล จำกัด เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมวันรุ่งขึ้น ช่วงค่ำเป็นการบรรยายเรื่อง “อุตสาหกรรมปิโตรเคมี สู่นวัตกรรมนาโนเทคโนโลยีและวัสดุเพื่อมวลมนุษย์” โดย รศ.ดร.สุวบุญ จิรชาญชัย อาจารย์จากวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่างการบรรยายอาจารย์สุวบุญได้เตรียมการทดลองสนุก ๆ เกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยีให้น้อง ๆ ได้ทดลองเป่าฟองสบู่กันด้วย งานนี้ทำเอาทั้งห้องหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นสบู่เลยทีเดียว


วันสุดท้ายของกิจกรรม ค่ายปิโตรแคมป์ สู่แชมป์ปิโตร ปี 50 คือการค้นหาโรงเรียนสุดยอดนักปิโตรเคมีผ่านภารกิจพิชิตแชมป์ 5 ด่าน ประกอบด้วย ด่านที่ 1 หนึ่งคำถาม สามวินาที ด่านที่ 2 แกะดำ ด่านที่ 3 บอกใบ้ ทายคำ ด่านที่ 4 ภารกิจพิชิตแชมป์ และด่านที่ 5 ปฏิบัติการสื่อสารความรู้ ซึ่งโรงเรียนที่คว้าแชมป์ปิโตรแคมป์ประจำปี 50 นี้ ได้แก่ โรงเรียนวัดป่าประดู่ ได้รับโล่รางวัล เกียรติบัตร และทุนการศึกษารวมทั้งสิ้น 30,000 บาท โดยพี่เปิ้ล แววดาว มกรานนท์ ผู้ชำนาญการฝ่ายธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น บริษัท ปตท. มหาชน (จำกัด) เป็นผู้มอบรางวัลให้กับตัวแทนอาจารย์และนักเรียนที่ได้รางวัล
ที่มา http://www.vcharkarn.com

สัญลักษณ์ไฟหมุนร้านตัดผม


หลายคนคงนึกสงสัยกันว่า เหตุใดร้านตัดผมเกือบจะแทบทุกร้านมักจะมีกล่องกลม ๆ ที่มีลวดลายติดตั้งอยู่ที่หน้าร้านด้วยเสมอ เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์นี้คืออะไร และมีความหมายว่าอย่างไรไฟหมุนขาวแดงถือเป็นสัญลักษณ์ของร้านตัดผมที่เพิ่มความสวยงาม เด่นสะดุดตาแก่ผู้สัญจรไปมา ทั้งยังเป็นตัวบอกให้รู้ว่าร้านนั้นกำลังเปิดหรือปิดบริการ ถ้าไฟขาวแดงหมุนแสดงว่าร้านเปิด แต่ถ้าไฟหยุดหมุนแสดงว่าร้านปิด ประโยชน์ในปัจจุบันมีเท่านี้ และไม่มีการบังคับให้ทุกร้านต้องติดไฟหมุนดังกล่าว ทุกวันนี้ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าแถบสีขาวแดงอาจมีสีอื่น ๆ เพิ่มบ้างแล้ว
สัญลักษณ์ไฟหมุนที่ร้านตัดผม เรียกว่า "บาร์เบอร์ โพล" (barber pole) ถือกำเนิดขึ้นในทวีปยุโรป ยุคที่ช่างตัดผมรวมอยู่ในอาชีพหมอฟันและศัลยแพทย์ หรือจะว่าผ่าตัด ถ่ายเลือด ทำฟัน เป็นภาระหน้าที่อย่างหนึ่งของช่างตัดผมก็ได้
เป็นเช่นนั้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่ พ.ศ.1639 ที่ประเทศฝรั่งเศส ด้วยฝีมืออาร์คบิชอปแห่งร็วง เมืองหลวงของแคว้นนอร์มังดี ท่านสั่งห้ามบุรุษไว้หนวดเคราโดยเด็ดขาด ทำให้กิจการตัดผมและโกนหนวดเครามีความจำเป็นมากขึ้น แล้วใครจะมีของมีคมเท่าศัลยแพทย์เล่ากระทั่งภายหลังเมื่อการแพทย์มีความชัดเจนในสาขาของตนยิ่งขึ้น อาชีพศัลยแพทย์กับช่างตัดผมจึงถึงแก่กาลต้องแยกจากกันโดยสิ้นเชิง เหลือเพียงสัญลักษณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญตกทอดเป็นมรดกจากหมอผ่าตัดถึงช่างผัดผม
เรื่องก็เพราะครั้งยังทำงานทูอินวัน ระหว่างการผ่าตัดถ่ายเลือดผู้ป่วย คุณหมอจะพาดแถบผ้าพันแผล 2 เส้นรอไว้ เส้นหนึ่งสำหรับพันรอบแขนผู้ป่วยก่อนถ่ายเลือด เส้นหนึ่งไว้พันแผลภายหลังงานเรียบร้อย นานเข้าแถบผ้าพันแผล 2 เส้น ก็เป็นภาพเจนตาจนเป็นที่เข้าใจตรงกันทั่วไปว่าเป็นร้านคุณหมอ (ที่รับตัดผมด้วย)
จากแถบผ้าพันแผลวิวัฒน์เป็นเสาทาสีเลียนแบบ ติดตั้งอย่างถาวรภายนอกร้าน มองคล้ายเกลียวริบบิ้น 2 สี เรียก "เกลียวริบบิ้นสีขาวแดงสองเส้นพันรอบแท่งเสา" ว่า บาร์เบอร์ โพล จากยุโรปไปถึงอเมริกา ช่างตัดผมอเมริกันรักชาติเติมสีน้ำเงินเข้าไปในบาร์เบอร์ โพล ด้วย เป็นสีแดง ขาว น้ำเงิน ตามสีธงชาติสหรัฐอเมริกา
บาร์เบอร์ โพล กลายเป็นสื่อสัญลักษณ์สากลของร้านตัดผมในที่สุด เห็นปุ๊บรู้ปั๊บว่าเป็นร้านตัดผม โดยไม่ต้องคอยมองหาป้ายชื่อร้าน ทั้งยังบอกให้ทราบด้วยว่าร้านเปิดทำการหรือไม่ หากไฟหมุนเปิดอยู่แสดงว่าร้านเปิด เข้าไปใช้บริการได้ หากไฟปิดคือร้านปิด ตรงไปร้านอื่นได้เลยต้นทางของวัฒนธรรมไฟหมุนหน้าร้านตัดผมจึงเป็นเมืองร็วง แคว้นนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยมหาวิหารนอเตรอดาม สร้างเสริมต่อเติมด้วยสถาปัตยกรรมหลายยุคหลายสมัยจากศตวรรษที่ 12 ถึงศตวรรษที่ 19 และเป็นเมืองที่ฝังศพวีรบุรุษชาวฝรั่งเศสในยุคกลาง เฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่ฝังพระหทัยของพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ (Richard the Lion Heart) กษัตริย์อังกฤษผู้ประทับอยู่ในฝรั่งเศสมากกว่าอังกฤษ

ที่มา http://www.vcharkarn.com

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2551

โลกร้อน คืออะไร ? - สาเหตุหลักของปัญหานี้






ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือ ภาวะ ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) เป็นปัญหาใหญ่ของโลกเราในปัจจุบัน สังเกตได้จากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุหลักของปัญหานี้ มาจาก ก๊าซเรือนกระจก ครับ (Greenhouse gases) ปรากฏการณ์เรือนกระจก มีความสำคัญกับโลก เพราะก๊าซจำพวก คาร์บอนไดออกไซด์ หรือ มีเทน จะกักเก็บความร้อนบางส่วนไว้ในในโลก ไม่ให้สะท้อนกลับสู่บรรยากาศทั้งหมด มิฉะนั้น โลกจะกลายเป็นแบบดวงจันทร์ ที่ตอนกลางคืนหนาวจัด (และตอนกลางวันร้อนจัด เพราะไม่มีบรรยากาศกรองพลังงานจากดวงอาทิตย์) ซึ่งการทำให้โลกอุ่นขึ้นเช่นนี้ คล้ายกับหลักการของเรือนกระจก (ที่ใช้ปลูกพืช) จึงเรียกว่า ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect)




แต่การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ CO2 ที่ออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรม รถยนตร์ หรือการกระทำใดๆที่เผาเชื้อเพลิงฟอสซิล (เช่นถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ) ส่งผลให้ระดับปริมาณ CO2 ในปัจจุบันสูงเกิน 300 ppm (300 ส่วน ใน ล้านส่วน) เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 แสนปีซึ่งคาร์บอนไดออกไซด์ที่มากขึ้นนี้ ได้เพิ่มการกักเก็บความร้อนไว้ในโลกของเรามากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดเป็น ภาวะโลกร้อน ดังเช่นปัจจุบัน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ เป็นตัวการกักเก็บความร้อนจากแสงอาทิตย์ไว้ไม่ให้คายออกไปสู่บรรยากาศซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้โลกของเรามีอุนหภูมิอบอุ่น สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แต่ปัจจุบัน การเผาผลาญเชื้อเพลงฟอสซิลต่างๆ เช่น ถ่านหิน น้ำมันเชื้อเพลิง และการตัดไม้ทำลายป่าซึ่งการกระทำเหล่านี้ส่งผลให้ปริมาณ คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล อันส่งผลกระทบต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิของโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภัยธรรมชาติต่างๆเกิดบ่อยขึ้น และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น

- จำนวนพายุ Hurricane Category 4 และ 5 เพิ่มขึ้นสองเท่า ในสามสิบปีที่ผ่านมา

- เชื้อมาลาเรียได้แพร่กระจายไปในที่สูงขึ้น แม้แต่ใน Columbian, Andes ที่สูง 7000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล - น้ำแข็ง ใน ธารน้ำแข็ง เขตกรีนแลนด์ ละลายเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

- สัตว์ต่างๆ อย่างน้อย 279 สปีชี่ส์กำลังตอบสนองต่อ
ภาวะโลกร้อน โดยพยายามย้ายถิ่นที่อยู่
หากเรายังเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น รับรองได้เลยว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้แน่ - อัตรา ผู้เสียชีวิต จาก โลกร้อน จะพุ่งไปอยู่ที่ 300000 คนต่อปี ใน 25 ปีต่อจากนี้ -
ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 20 ฟุต - คลื่นความร้อน จะมาบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น - ภาวะฝนแล้ง และไฟป่าจะเกิดบ่อยขึ้น - มหาสมุทรอาร์กติกจะไม่เหลือน้ำแข็ง ภายในฤดูร้อน 2050 - สิ่งมีชีวิตกว่าล้านสปีชี่ส์เสี่ยงที่จะสูญพันธุ์